เมื่อพูดถึง ไอร์แลนด์ หรือ ชื่อ เต็มว่า สาธารณรัฐไอร์แลนด์ โดยทั่วไป คนไทยมักจะนำไปสับสนกับประเทศ ไอซ์แลนด์ หรือ ไม่ก็ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งตามจริงแล้ว ทั้งสามประเทศนี้ เป็นคนละประเทศกัน และแยกจากกันโดยอิสระ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เป็นประเทศเอกราช มีที่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของสหราชอาณาจักรเมื่อดูตามแผนที่ ส่วนไอร์แลนด์เหนือนั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกของสหราชอาณาจักรซึ่งประกอบด้วย ไอร์แลนด์เหนือ อังกฤษ สกอตแลนด์ และ เวลล์ และ ประเทศไอซ์แลนด์ เป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งมีที่ตั้งอยู่ค่อนไปทางขั้วโลกเหนือ ใกล้ๆ กับ เกาะกรีนแลนด์ ทั้ง สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และ ไอร์แลนด์เหนือ(ภายใต้ชื่อสหราชอาณาจักร์) เป็นประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปหรือ อียู แต่ ประเทศไอซ์แลนด์มิได้เป็นสมาชิกของกลุ่ม อียู แต่อย่างใด
ส่วนข้างล่างนี้แสดงข้อมูลพื้นฐานของประเทศไอร์แลนด์ ที่จะช่วยให้ท่านมีความเข้าใจในสภาพของประเทศ เศรษฐกิจ และ การเมือง ของไอร์แลนด์ลึกซึ้งมากขึ้น
ประวัติศาสตร์ ชนเผ่าไอริชดั้งเดิมค้นพบเกาะไอร์แลนด์และเข้าอยู่อาศัย 600 ปีก่อนคริสต์กาล และ อังกฤษได้เข้าครอบครองไอร์แลนด์ในต้นศตวรรษที่ 12 และปกครองอยู่นานถึง 700 ร้อยปี การต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชได้เกิดขึ้นเรื่อยมาจนกระทั่งในปี คศ. 1921 สาธารณรัฐไอร์แลนด์ก็สามารถประกาศเอกราชจากอังกฤษ คงเหลือแต่ในส่วนของไอร์แลนด์เหนือที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษตราบจนกระทั่งในปัจจุบัน และ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ได้เข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปในปี คศ. 1973
ที่ตั้ง ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป โดยมีทะเลไอริชทางตะวันออกคั่นระหว่างเกาะอังกฤษและเกาะไอร์แลนด์

พื้นที่ 70,280 ตารางกิโลเมตร

ธงชาติ เป็นสีเขียว ขาว และ ส้ม เรียงกันในแนวตั้ง
.gif)
ตราแผ่นดิน ไอร์แลนด์ใช้รูปพิณ เป็นตราแผ่นดิน

สัญญลักษ์ประจำชาติ คือต้น แชมรอค (Shamrock)
ประชากร 4.1 ล้านคน (พ.ศ. 2550)
เชื้อชาติของประชากร ไอริช (87%) มีชาวอังกฤษอยู่บ้าง และ อื่นๆ
ศาสนา คริสต์นิกายโรมันแคทอลิค (93%) Anglican (3%) ศาสนาอื่น 3% ไม่นับถือศาสนา (1%)
ภาษา ไอริช (Gaelic) (ภาษาราชการที่ 1) ภาษาอังกฤษ (ภาษาราชการที่ 2) แต่ในสถาพความเป็นจริงการติดต่อสื่อสารประจำวันของคนที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ภาษาไอริชมีการใช้พูดคุยกันในคนรุ่นเก่าๆ และ ในปัจจุบันมีคนพูดภาษาไอริชได้ไม่ถึงสามแสนคน ของประชากรทั้งหมด
เมืองหลวง กรุงดับลิน
ระบบการเมือง สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีประธานาธิบดีเป็นประมุข และ นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร
วันหยุดสำคัญประจำชาติ คือ Saint Patrick's Day, 17 มีนาคม
อัตราการรู้หนังสือ 99%
GDP Growth Rate ร้อยละ 6
GDP per capita 46,000 ดอลลาร์สหรัฐ (พศ. 2550)
อัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 3.7
ประเทศคู่ค้าสำคัญ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี เบลเยียม
สินค้าส่งออกที่สำคัญ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ เคมีภัณฑ์ ยารักษาโรค ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์
สินค้านำเข้าที่สำคัญ อุปกรณ์ประมวลข้อมูล เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม สิ่งทอและเสื้อผ้า
อุตสาหกรรมสำคัญ computer software เทคโนโลยีสารสนเทศ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เครื่องดื่ม ยา และการท่องเที่ยว
ทรัพยากรธรรมชาติ สังกะสี ตะกั่ว ก๊าซธรรมชาติ แบไรท์ ทองแดง ยิปซัม หินปูน
ภูมิอากาศ เนื่องจากไอร์แลนด์ได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นกลัมฟ์สตรีม อากาศในประเทศไอร์แลนด์จึงไม่รุนแรง หน้าหนาวไม่หนาวจัด หน้าร้อนเย็นสบาย อุณหภูมิในฤดูหนาวอยู่ประมาณ 1-6 องศา ในขณะที่อุณหภูมิในฤดุร้อนจะอยู่ที่ 15-25 องศา
เวลา ไอร์แลนด์ใช้เวลาเดียวกับปรเทศอังกฤษ (Greenwich Mean Time, GTM)
อุปนิสัยของคนไอริช จากประสบการณ์ของนักเรียนไทยที่ศึกษาอยู่ ณ. ประเทศไอร์แนด์ ทุกคนลงความเห็นตรงกันว่า คนไอริชน่ารัก อุปนิสัยดี เอื้อเฟ้อเผื่อแผ่ และ ดูเหมือนจะมีนิสัยคล้ายกับคนไทยมากที่สุดเมื่อเทียบกับชาวต่างชาติที่บ้านเราเรียกกันว่า “ฝรั่ง”
เศรฐกิจการค้า เศรษฐกิจไอร์แลนด์มีอัตราการเจริญเติบโตระหว่างปี 2538 - 2543 โดยมีอัตราเฉลี่ยร้อยละ 9 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในกลุ่ม OECD ทั้งนี้ เศรษฐกิจไอร์แลนด์มีลักษณะพึ่งพาจากภายนอกสูง โดยผลผลิตภายในประเทศร้อยละ 80 เป็นการผลิตเพื่อการส่งออก ในช่วง 25 ปี ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เป็นผู้ลงทุนรายสำคัญในไอร์แลนด์ โดยทำให้อุตสาหกรรมในไอร์แลนด์ มีการขยายตัว มีการถ่ายโอนเทคโนโลยีทันสมัย เพิ่มพูนขีดความสามารถในการแข่งขัน และการขยายตัวของการจ้างงานในไอร์แลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เทคโนโลยีขั้นสูง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เวชภัณฑ์ และยารักษาโรค นอกจากนั้น สหรัฐฯ เป็นผู้ลงทุนรายสำคัญในภาคธุรกิจบริการในไอร์แลนด์ อาทิ การค้าปลีก การธนาคาร การเงิน
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับไอร์แลนด์ ไทยและไอร์แลนด์ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางกงสุลเมื่อปี 2509 ต่อมา สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2518 ไทยแต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน เป็นเอกอัครราชทูตประจำไอร์แลนด์ และไอร์แลนด์ได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูต ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์เป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย
กงสุลกิตติมศักดิ์ไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย คือ นาย Peter Gary Biesty ส่วนกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำกรุงดับลิน คือ นาย Patrick Joseph Dineen
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-ไอร์แลนด์ ไอร์แลนด์เป็นคู่ค้าอันดับ 38 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับ 9 ของไทยจากสหภาพยุโรป การค้าสองฝ่ายระหว่างไทยกับไอร์แลนด์ ในช่วงปี 2544-2546 การค้ารวมมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 413.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สิินค้าไทยที่ส่งออกไปไอร์แลนด์ที่สำคัญ ได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ แผงสวิทซ์และแผงควบคุมไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ไก่แปรรูป วงจรพิมพ์ ยางพารา รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และเสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น
สินค้าที่ไทยนำเข้าจากไอร์แลนด์ที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และ ส่วนประกอบ ดินสอ ปากกา หมึกพิมพ์และอุปกรณ์เกี่ยวกับการพิมพ์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ธัญพืชและธัญพืชสำเร็จรูป แผงวงจรไฟฟ้า สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ผักผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผักผลไม้ เป็นต้น ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับไอร์แลนด์คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.23 ของการค้าไทยกับโลก และไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า ไทยและไอร์แลนด์ได้จัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าระหว่างหอการค้า ไอร์แลนด์กับหอการค้าแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2545 และได้จัดตั้งสำนักงานหอการค้าเอเชียไอร์แลนด์ (Asia - Ireland Chamber of Commerce: AICC) ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2545 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน
การลงทุนจากไอร์แลนด์ในไทยยังมีปริมาณน้อย โครงการลงทุนจากไอร์แลนด์ที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมฯ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในสาขาบริการและสาธารณูปโภค โดยเป็นโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้า กิจการขนส่งทางน้ำและกิจการสร้างภาพยนตร์ เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร บริษัทสำคัญจากไอร์แลนด์ที่ได้เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว ที่สำคัญคือ กลุ่ม Kerry ซึ่งเป็นผู้ผลิต อาหารรายใหญ่ของยุโรป Kerry มีธุรกิจใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจการเกษตร อาหาร เครื่องปรุงและรสสังเคราะห์ Kerry ได้ก่อตั้งโรงงานในไทยที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปี 2545 เพื่อผลิตเครื่องปรุงให้แก่โรงงานของบริษัทฟริโต เลย์ และบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังจัดตั้งศูนย์วิจัยด้านเครื่องปรุงรสในไทยด้วย นอกจากนี้ กลุ่ม Kerry ยังนำเข้าไก่จากไทยประมาณ 3,200 ตัน ต่อปี และนำเข้ามันสำปะหลังและกลูโคสจากไทยปีละ 5,000 และ 3,000 ตันต่อปี ตามลำดับ
ชาวไอร์แลนด์นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ประมาณปีละ 30,000 -50,000 คน
*****************************
คลิ๊กที่นี่ เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สาธารณรัฐไอร์แลนด์